เมืองบิลกีสเป็นหนึ่งในโครงสร้างดินและอิฐที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองอัสฟาราอินในปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร มีพื้นที่ขนาด 180 เฮกตาร์ ประกอบไปด้วยซากปรักหักพังต่าง ๆ เช่น ปราสาทและคูน้ำรอบ ๆ มีกำแพงและหอคอย อาคารที่เรียกว่า เมนาร์ตัพเพห์ (มัสยิดญอเมียะอ์) โรงงานทำเครื่องปั้นดินเผา ที่เก็บน้ำ ตลาด ที่พักสำหรับนักเดินทาง อาคารที่เรียกว่า ยัคดาน และสุสานขนาดใหญ่ใกล้ประตูทางตะวันออก สิ่งที่ยังคงสภาพดีและเด่นที่สุดในเมืองบิลกีส คือปราสาทที่มีหอคอย 29 แห่งที่สูงประมาณ 11 เมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน มีโครงสร้างอิฐและดินขนาดใหญ่และพื้นที่ประมาณ 51,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีคูน้ำกว้างรอบปราสาททำให้การบุกรุกยากยิ่งขึ้น เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานตามบันทึกในแหล่งข้อมูลโบราณ ก่อนการมาของอิสลาม และได้ถูกเปิดในปี 31 ฮิจเราะห์ศักราชโดยชาวมุสลิม การค้นพบทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่าเมืองนี้มีการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ช่วงปลายสมัยซาโซเนียนจนถึงสมัยต้นอิสลาม และใช้ชีวิตอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายยุคซาฟาวี ในที่สุดเมืองนี้ถูกทำลายและบดขยี้ในช่วงปลายรัชสมัยของทามาสบ์ที่ 2 และต้นรัชสมัยของนาเด็ร์ในปี 1131 ฮิจเราะห์ศักราชโดยชาวอัฟกานิสถานจนหมดสิ้น ทำให้เมืองนี้สูญเสียตำแหน่งเดิม และชื่อเมืองบิลกีสก็ถูกนำมาตั้งให้กับซากปรักหักพังของเมืองเก่าอัสฟาราอิน จากความสำคัญทางโบราณคดี เมืองโบราณบิลกีสได้รับการยอมรับให้เป็นฐานมรดกทางวัฒนธรรมในปี 1388 ฮิจเราะห์ศักราช และได้จดทะเบียนในรายชื่อมรดกชาติของอิหร่านหมายเลข 4497 ปราสาทบิลกีสที่อัสฟาราอินถือเป็นสิ่งก่อสร้างดินที่สองของอิหร่านหลังจากปราสาทบาม โดยสร้างขึ้นตามหลักการสถาปัตยกรรมซาโซเนียนและใช้ดินและอิฐเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง