ซัยยิด รูฮุลลออ์ มูซาวี โคมัยนี ซึ่งรู้จักในนาม อิมามโคมัยนี ผู้นำการปฏิวัติอิสลามและผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และเป็นหนึ่งในผู้รู้ทางศาสนานิกายชีอะฮ์
ตั้งแต่ปี 1341 ท่านเริ่มต่อสู้กับระบบกษัตริย์ชาห์ปาห์ลาวีในอิหร่านอย่างเปิดเผย รัฐบาลในสมัยนั้นจับกุมท่านสองครั้ง และครั้งที่สองเนรเทศท่านไปยังตุรกีแล้วไปยังอิรัก 13 ปีในสถาบันศาสนาท่านคือผู้นำแห่งการต่อสู้แห่งการปฏิวัติ และท่านยังสอนและประพันธ์ในโรงเรียนศาสนาอีกด้วย ท่านเดินทางกลับอิหร่านในวันที่ 12 บะห์มัน ปี 1357 พร้อมกับการขยายการต่อสู้ของประชาชน หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติในวันที่ 22 บะห์มัน 1357 ท่านดำรงตำแหน่งผู้นำสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจนกระทั่งจากโลกนี้ เมื่อวันที่ 13 โครดอด ปี1368
ทฤษฎีอำนาจเด็ดขาดของวิลายะตุ้ลฟะกีฮ์ เป็นทฤษฎีที่สำคัญที่สุดในบรรดาทฤษฎีหลักนิติศาสตร์-การเมืองที่มีพื้นฐานอยู่บนหลักศรัทธาของชีอะฮ์ ท่านพยายามกำหนดรูปแบบการปกครองของสาธารณรัฐอิสลามและรัฐธรรมนูญต้องตามทฤษฎีนี้ ตามทัศนะของอิมามโคมัยนี การปกครองคือปรัชญาเชิงปฏิบัติของหลักนิติศาสตร์ทั้งหมด มุมมองการปกครองที่เกี่ยวกับนิติศาสตร์ทำให้ท่านเน้นการรักษากรอบหลักนิติศาสตร์แบบดั้งเดิมและนำมาซึ่งความทันสมัยในการวินิจฉัย ทฤษฎีบทบาทของเวลาและสถานที่ในการวินิจฉัยศาสนา และบางส่วนการวินิจฉัยศาสนาที่มีอิทธิพลของท่านถือได้ว่าเป็นผลลัพธ์ของทัศนะนี้
บรรดามุสลิมโดยเฉพาะชาวชีอะห์ทั่วโลกต่างรักชอบท่านมาก พิธีฝังร่างของท่านมีผู้เข้าร่วมประมาณสิบล้านคนถือเป็นพิธีศพที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดในโลก และทุกปีในวันครบรอบการเสียชีวิตของท่านจะมีพิธีจัดขึ้นที่หลุมศพของท่านโดยมีบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนาเข้าร่วมด้วย
นอกจากนิติศาสตร์ หลักการปรัชญาอิสลาม และ จิตประจักษ์เชิงทฤษฎีแล้ว ท่านอิมามโคมัยนียังเป็นเจ้าของทัศนะ และนักประพันธ์อีกด้วย ท่านยังเป็นหนึ่งในนักวิชาการและอาจารย์ด้านจริยธรรมอีกด้วย ในยุคที่ท่านเป็นครูสอนในเมืองกุม ท่านเคยสอนวิชาจริยธรรมที่โรงเรียนฟัยซีเยะห์ ตลอดชีวิตของท่าน ท่านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสมถะ
ซัยยิด รูฮุลลออ์ มูซาวี โคมัยนี ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 1 เมะห์ร ปี 1281 ในเมือง โคเมน ใกล้ Arak ของอิหร่าน บิดาของท่าน ซัยยิด มุสตาฟา มูซาวี ซึ่งได้ศึกษาที่สถาบันศาสนาของเมืองนะญัฟ และเป็นผู้นำทางด้านกิจการทางศาสนาของชาวโคเมน ท่านถูกสังหาร 5 เดือนหลังจากการถือกำเนิดของท่านอิมามโคมัยนี โดยการต่อสู้กับผู้ปกครองในท้องถิ่น ท่านอิมามโคมัยนี อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของ Hajareh Agha Khanam มารดาและป้าของท่านจนกระทั่งท่านอายุ 15 ปี
ก่อนการปฏิวัติอิสลาม ระบบการปกครองของอิหร่านเป็นระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในทางปฏิบัติได้กลายมาเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เนื่องจากการต่อต้านอย่างต่อเนื่องต่อกษัตริย์ปาห์ลาวีทั้งสองพระองค์ แผนงานของระบบการปกครองบางครั้งไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของศาสนาอิสลามและชีอะห์ ปัจจัยนี้ทำให้ผู้นับถือศาสนาและโดยเฉพาะนักวิชาการศาสนาออกมาประท้วงต่อต้านการปกครอง
การเคลื่อนไหวครั้งแรก
เริ่มการประท้วงอย่างเปิดเผยและเป็นทางการของอิมามโคมัยนีต่อระบบกษัตริย์ เริ่มต้นด้วยการออกแถลงการณ์ในปี 1341 หลังจากได้รับอนุมัติร่างกฎหมายสมาคมแต่ละรัฐแล้ว การประชุมก็ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมะห์ร 1341 โดยท่านอิมามโคมัยนีและบรรดาผู้นำทางศาสนาของเมืองกุมได้เข้าร่วมประชุมด้วย นำไปสู่การออกแถลงการณ์โดยท่านอิมามโคมัยนีและผู้รู้ทางศาสนา
ในวันที่ 11 ออซัร ปี 1341 จดหมายอนุมัติจากสมาคมแต่ละรัฐและระดับจังหวัดในการสนับสนุนการต่อสู้ของท่านอิมามโคมัยนีได้ถูกยกเลิก เขาออกสาส์นเพื่อยุติความสับสนวุ่นวายนี้
ในปี 1357 ขบวนการปฏิวัติของประชาชนชาวอิหร่านได้รับชัยชนะ ท่านอิมามโคมัยนีเดินทางกลับถึงอิหร่านในวันที่ 12 บะห์มันในปีเดียวกัน และในวันที่ 22 บะห์มัน ระบบกษัตริย์ก็พ่ายแพ้อย่างเป็นทางการ ไม่กี่เดือนต่อมา ในเดือนฟัรวัรดีน ปี 1358 ระบบสาธารณรัฐอิสลามได้รับการลงประชามติ และในเวลาต่อมา รัฐธรรมนูญก็เขียนขึ้นโดยผู้ชำนัญที่ได้รับเลือกจากประชาชน และมีการลงคะแนนเสียง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้อิมามโคมัยนีได้รับเลือกให้เป็นผู้นำของสาธารณรัฐอิสลาม ท่านอิมามโคมัยนีเป็นผู้นำดูแลสาธารณรัฐอิสลามนี้จนท่านจากโลกนี้ไปในเดือน โครดอด ปี 1368 เสถียรภาพของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ร่างรัฐธรรมนูญ จัดการกับความขัดแย้งภายใน สั่งการรบตอนที่อิรักโจมตีอิหร่านนาน8ปี ยอมรับการทำสันติภาพกับอิรัก แก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ เหล่านี้คือผลงานที่สำคัญที่สุดของท่านตลอดสิบปีนี้
ท่านอิมามโคมัยนี เสียชีวิตในตอนเย็นของวันที่ 13 โครดอด ปี 1368 ขณะอายุ 87 ปี เนื่องจากมะเร็งกระเพาะอาหารในกรุงเตหะราน ร่างของท่านถูกวางไว้ในมัสยิดเตหะรานเมื่อวันที่ 15 โครดอด ผู้คนต่างรวมตัวกันเพื่อกล่าวคำอำลาท่าน ซัยยิดมูฮัมหมัด ริฎอ กุลพัยกานี หนึ่งอุลามาอ์ของชีอะห์ ได้ทำการนมาซญะนาซะฮ์แก่ร่างไร้วิญญานของท่านเมื่อวันที่ 16 โครดอดโดยมีผู้คนประมาณ 9 ล้านคนร่วมนมาซญะนาซะฮ์ และได้นำร่างของท่านฝังใกล้ๆกับสุสานเบเฮชตี้ ซะฮรอ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในนาม ฮะรัมอิมามโคมัยนี เว็บไซต์ทางการของบันทึกสถิติโลกกินเนสส์เขียนว่า พิธีแห่ร่างของอิมามโคมัยนี เป็นงานศพที่มีผู้คนหนาแน่นที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อพิจารณาจากเปอร์เซ็นต์ของประชากร หนึ่งในหกของประชากรอิหร่าน
วันที่ 14 ของเดือน โครดอด เป็นวันหยุดราชการในอิหร่านเนื่องในโอกาสครบรอบการเสียชีวิตของอิมามโคมัยนี มีการจัดพิธีต่าง ๆ ในฮะรัมของท่านอิมามโคมียนีซึ่งมีประชาชนและเจ้าหน้าที่ระดับประเทศต่างเข้าร่วมในพิธีนี้ และท่านผู้นำสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนั้น