“การแกะสลักปูนขาว” คือ การแกะสลักลวดลายนูนบนพื้นผิวที่ทำจาก ปูนขาว โดยหนึ่งในตัวอย่างที่มีชื่อเสียงของงานศิลป์ประเภทนี้ในอิหร่านได้แก่ การตกแต่งบางส่วนในห้องอาบน้ำของบ้านอาเมรี ในเมืองกาชาน และ ห้องอาบน้ำซอฮิรี หรือคานในเมืองซานันดัจ
การใช้ปูนขาวมีประวัติยาวนาน ย้อนกลับไปถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยในอดีต ปูนขาวเป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย จุดเริ่มต้นของการใช้ปูนขาวในรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ยุคก่อนที่มีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อน ใช้การขุดหลุมในพื้นดินเพื่อสร้างเตาสำหรับทำอาหาร หากพื้นที่นั้นเป็นดินปูน เมื่อเตาได้รับความร้อนนานวันเข้า ความร้อนจะทำให้หินปูนกลายเป็น “ปูนขาวดิบ” ต่อมาเมื่อฝนตกลงบนพื้นที่นั้น ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็น “ปูนขาวสุก” และเมื่อผสมกับทรายและกรวดโดยธรรมชาติ จะกลายเป็นวัสดุที่แข็งแรง ต่อมามนุษย์จึงนำวัสดุนี้มาใช้สร้างบ้านและที่พักพิง
ปูนขาว เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านความทนทานต่อความชื้น และกลายเป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างหลักที่ใช้แพร่หลายในอดีต ตัวอย่างโบราณสถานที่ใช้ปูนขาวจำนวนมาก ได้แก่ เนินโบราณโนชีญาน ในจังหวัดฮาเมดาน ซึ่งมีอายุราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล
อีกหนึ่งวัสดุก่อสร้างที่สำคัญคือ “ซารูจ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมของสถาปนิกชาวอิหร่านในสมัยโบราณ การทำซารูจนั้นเริ่มจากการผสมดินเหนียวกับปูนขาวในอัตราส่วน 6:4 จนได้เนื้อดินที่เหนียวแน่น แล้วนวดอยู่ 2 วัน จากนั้นจะผสมขี้เถ้าจากเตาอาบน้ำกับเส้นใยจากพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ลุอี” (ซึ่งเป็นเส้นใยจากต้นอ้อ) เข้าด้วยกัน แล้วนำส่วนผสมใหม่นี้ไปอัดด้วยไม้กลมขนาดประมาณ 10 ซม. เพื่อให้ทุกอย่างรวมตัวกันอย่างแน่นหนา
ในอดีต ซารูจ ถือว่ามีความสำคัญมาก ใช้ในการสร้างบ่อน้ำ สะพาน ถังเก็บน้ำ สระน้ำ โรงอาบน้ำ อาคารบ้านเรือน และเขื่อน โดยถือเป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างเก่าแก่ที่นิยมในอิหร่าน และยังพบในบางประเทศริมอ่าวเปอร์เซียอีกด้วย แม้จะไม่สามารถระบุเวลาเริ่มต้นใช้งานอย่างแน่ชัด แต่พบหลักฐานการใช้งานที่มีอายุมากกว่า 700 ปี ในหลายพื้นที่ของอิหร่าน
ศิลปินและช่างฝีมือชาวอิหร่านได้สร้างความงามอันเป็นนิรันดร์ในงานสถาปัตยกรรม ด้วยการออกแบบลวดลายอันวิจิตร โดยใช้วัสดุหลากหลายผสมผสานอย่างมีศิลป์ ซึ่งสามารถตรึงทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ชมได้ แม้ในสถานที่ที่มีไอน้ำและความร้อนสูง ซึ่งทำให้งานกระเบื้องและภาพวาดเสียหายได้ง่าย แต่ช่างอิหร่านก็สามารถสร้างลวดลายที่แปลกใหม่ในส่วนของ “ห้องอบร้อน” และโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน “ห้องแต่งตัว” ของโรงอาบน้ำได้อย่างงดงาม
นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคนิคการก่อสร้างที่วิจิตรงดงาม เช่น การทำโครงสร้างโค้งแบบ “เปลเด็ก” โค้งแบบสี่ซุ้ม โค้งแบบเรขาคณิต โค้งรูปโดม โค้งต่อเนื่อง และโค้งทูวิเซะ ฯลฯ ซึ่งมักทำจาก อิฐและปูนขาวผสมดินเหนียว และสุดท้ายฉาบด้วย ซารูจ อย่างประณีต