کبودوال در معنای لغوی و در گویش کتولی بعنوان گویش بومی منطقه از دو بخش کبود به معنای آبی و وال به معنای جوی آب ، تشکیل شده که بخاطر پاک و آبی بودن رودخانه جاری در دل جنگلهای منطقه بدان نامیده شده و در بخشی از جنگلهای هیرکانی جلگه ای در رشته کوه البرز […]
ซุบาทาน เป็นหมู่บ้านในเขต กีลอน ในเมือง Talesh ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด กีลอน หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ Kergan และอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Talesh เรือนพักร้อนในสวน ซุบาทาน เป็นหนึ่งในพื้นที่ของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ 22 กิโลเมตรทางตะวันตกของเมือง Hashtpar ของจังหวัดที่เขียวขจีของ Gilan, ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Hashtpar 36 กม. และห่างจาก ทะเลสาบนีเออร์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 21 กม จากทิศตะวันออกสู่ป่าทึบ (ลีซาร์) จากทิศตะวันตกสู่ชนบท อัรเดบีล และทะเลสาบนีเออร์ที่สวยงาม จากทางเหนือเชื่อมต่อกับแม่น้ำลีซาร์ ที่ไหลเชี่ยว และที่พักฤดูร้อน Khatbe Sera และจากทางใต้อยู่ติดกับเรือนพักร้อน Asbomar Jokandan
เมืองรัชต์ อยู่ในจังหวัดกีลอน ประชากรในปี 2016 มีถึง 679,995 คน ความหนาแน่นของประชากร 414 คนต่อตารางกิโลเมตร ภูมิศาสตร์ธรรมชาติ พื้นที่ 180 ตารางกิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 10 เมตร สภาพอากาศ อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 15.9 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปี 1,359 มม. รัชต์ เป็นหนึ่งในมหานครของอิหร่าน เป็นศูนย์กลางของจังหวัดกีลอน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิหร่าน มหานครแห่งนี้ยังเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในภาคเหนือของอิหร่านในบรรดาสามจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับทะเลแคสเปียน ซึ่งเป็นที่ตั้งถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดบนชายฝั่งทางใต้ของทะเลแคสเปียน ในช่วงฤดูร้อนปี 2013 รัชต์ เป็นเมืองอันดับสามที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนในอิหร่าน
จัตุรัสสำนักงานผู้ว่าเมืองรัชต์ จัตุรัสสำนักงานผู้ว่าเมืองรัชต์ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ปาลาวีย์ ตั้งอยู่ในเมืองรัชต์ จัตุรัสสำนักงานผู้ว่าเมืองรัชต์ได้รับการจดทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 1356 โดยมีหมายเลขทะเบียน 1516 ตามข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ พัรวะเรช ฉบับที่ 135 ในวันพุธที่ 1 กรกฎาคม 1305 สำนักงานผู้ว่าเมืองรัชต์ได้ย้ายไปที่อาคารใหม่นี้ เป็นอาคารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกของยุโรป โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย และสร้างโดยสถาปนิกชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่ในรัชต์เอง และแม้กระทั่งตอนนี้หลังจากผ่านไป 75 ปี ก็ยังเป็นสำนักงานใหญ่ของผู้ว่ารัชต์
คฤหาสน์ โคลอห์ ฟะรังกีย์ คฤหาสน์ โคลอห์ ฟะรังกีย์ ของ รัชต์ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ Qajar และตั้งอยู่ในเมืองรัชต์ทางด้านใต้ของสวนสาธารณะกุดส์ (สวนสาธารณะมุฮ์ซิน เบกฮ์) ริมแม่น้ำ โกฮัรรูด เจ้าของสวนคือ อักบัร คาน บิกเลอร์ ไบกีย์ เป็นหนึ่งในเจ้าของเก่าและเป็นผู้ปกครองของเมืองกีลานได้มอบสวนนี้เป็นมรดกให้ลูกสาวของเขา ต่อมาสวนตกเป็นของซอดิก คาน อักบัร มัวะฮ์ตะชัม อัลมุลก์ ภรรยาและลูกพี่ลูกน้องของเขาซึ่งมีชื่อเล่นว่า ซัรดอร มุอ์ตะมิต และตั้งแต่บัดนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักในชื่อ สวนมัวะฮ์ตะชัม และเขาถือเป็นผู้ก่อตั้งอาคารด้วย งานนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ของ Aban 1375 โดยมีหมายเลขทะเบียน 1764
หลุมฝังศพของ มูฮัมหมัด มีรซา กิวอนลูว์ ซึ่งท่านมีฉายาว่า กาชิฟุสซัลตานา ณ (พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาลอฮีญอน) มีความเกี่ยวข้องถึงยุคปัจจุบัน ตั้งอยู่ใน ลอฮีญอน ถนน กอชิฟ ชัรกีย์ ผลงานชิ้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 1996 โดยมีหมายเลขทะเบียน 1769 พิพิธภัณฑ์ ลอฮีญอน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง ลอฮีญอน ซึ่งได้รับการเยี่ยมชมครั้งแรกในฐานะสุสานของ กาชิฟุสซัลตานา และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 ที่นี่ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาเห่งอิหร่าน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประกอบด้วยห้องโถงใหญ่สองชั้น หอคอย และพื้นที่สำนักงานสองแห่งทางทิศเหนือและทิศใต้ ชั้นล่างของห้องโถงใหญ่ของอาคารมอบให้สำหรับเก็บเอกสาร กาชิฟุสซัลตานาและอุปกรณ์ที่ทำชาและการดื่มชา ส่วนชั้นสองของอาคารประกอบด้วยตู้โชว์และรายการที่เกี่ยวกับมนุษยวิทยา
พิพิธภัณฑ์มรดกชุมชน กีลาน พิพิธภัณฑ์มรดกชุมชน กีลานเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในวนอุทยาน ซัรวาน รัชต์ ในจังหวัด กีลาน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ประมาณ 260 เฮกตาร์ในวนอุทยาน ซัรวาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ 18 กม. ของทางหลวงอ่าวเปอร์เซีย (ถนน รัชต์-เตหะราน)
มัสยิดลอฮีจอน มัสยิดใหญ่ ลอฮีจอน ที่ซึ่ง “สุลต่านมูฮัมหมัดกียอ” ใช้เป็นที่ละหมาดในวันอีดิ้ลอัฎฮา ปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 893 สถานที่นี้สร้างในศตวรรษที่ 4 (ฮิจเราะฮ์ศักราช) ซึ่งสร้างขึ้นบนรากฐานของวัดบูชาไฟเก่า มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของจตุรัส ชะฮอร พอดชอฮ์ สร้างขึ้นในสมัยกียอนียอน อาคารหลักของมัสยิดมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเมื่อเวลาผ่านไป แต่บางส่วน เช่น ระเบียง ซาร์ดาร์ และหอคอยสุเหร่า บอกถึงความเก่าแก่ของอาคาร โถงกลางทรงโดมขนาดใหญ่เป็นของส่วนสตรีบนชั้น 2 แสดงความยิ่งใหญ่ของอาคาร หากคุณเยี่ยมชมมัสยิดที่ระเบียงด้านหน้าถัดจากประตูทางเข้ามีคำสั่งของสุลต่าน ฮุเซนซาฟาวีย์ ที่แกะสลักไว้บนหินอ่อนซึ่งควรค่าแก่การเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
ศาสตราจารย์ มูฮัมหมัด มูอีล หรือ บิดาแห่งพจนานุกรมอิหร่านหลังจากเดะห์โคดอว์ เขาซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของอิหร่านในปัจจุบัน มีความสามารถในการใช้ภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ อาหรับ และเยอรมันได้เป็นอย่างดี และเขารู้จักภาษา พะฮ์ลาวีย์ อุสตออีย์ ภาษาเปอร์เซียโบราณ และภาษาท้องถิ่นบางภาษาเป็นอย่างดี เขาเกิดเมื่อวันที่ 30 เดือน เมษายนปี 1918 ในย่าน ซารชูบ ของ รัชต์ และได้รับปริญญาเอกในปี 1942 และเขียนวิทยานิพนธ์เป็นภาษาฝรั่งเศส ดร. มูฮัมหมัด มูอีล ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัย
ยูนุส อุสตอดซะรออีย์ หรือที่รู้จักกันในนาม มีร์ซา กูเช็กคอน เญ็งกาลีย์ (2 ธันวาคม 1921) คือ นักต่อสู้การปฏิวัติรัฐธรรมนูญ และเป็นผู้นำของขบวนการ Jangal ผู้ลุกขึ้นต่อสู้การละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนและเอกราชของอิหร่านโดยชาวต่างชาติ หลุมฝังศพของผู้นำการปฏิวัตินี้ตั้งอยู่ในเมืองรัชต์ มีร์ซา ยูนุส หรือที่รู้จักกันในชื่อมีร์ซา กูเช็ก บุตรชายของ มีร์ซา โบโซร เกิดในในครอบครัวชนชั้นกลาง ที่อุสตอดซะรอ เมืองรัชต์ ปี 1878 ตามคำบอกเล่าของคนแถวนั้น มีร์ซา ยูนุสเป็นคนแข็งแรง หน้าตาสดใส หน้าตาหล่อเหลา เป็นคนสุภาพ ถ่อมตน เป็นมิตร ยึดมั่นในหลักศีลธรรม ส่งเสริมความยุติธรรมและเสรีภาพ และปกป้องผู้ถูกกดขี่ หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ของขบวนการจังเกิลที่ต่อต้านพวกคอสแซค ขบวนการนี้ถูกบังคับให้ล่าถอย และมีร์ซา หนีไปที่ภูเขา คัลคอล ในจังหวัด อัรเดบีล แต่เขาประสบกับพายุที่รุนแรง ในที่สุดก็อยู่ภายใต้แรงกดดันของอากาศที่หนาวเหน็บและมีหิมะในวันที่ 2 ธันวาคม 1921 ในขณะที่มีเพียงมิตรสหายเคียงข้างแค่คนเดียวชาวเยอรมันที่รู้จักกันในชื่อ ฮูแช็ง ซึ่ง มีร์ซา ยูนุส […]