สะพาน Hoz Sultan
สะพาน Hoz Sultan อันเก่าแก่ตั้งอยู่บนถนน เตหะราน-กุม อยู่เหนือแม่น้ำ Mesila ปัจจุบันสะพานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองกุม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างมาเยี่ยมชม
สะพาน Hoz Sultan อันเก่าแก่ตั้งอยู่บนถนน เตหะราน-กุม อยู่เหนือแม่น้ำ Mesila ปัจจุบันสะพานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองกุม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างมาเยี่ยมชม
บ้านพักสำหรับนักเดินทางนามว่ามูฮัมหมัด ออร์บอด ซึ่งสร้างมาจากหิน อยู่ในยุคของยุค Seljuk ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเมือง กุม ซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน มูฮัมหมัด ออร์บอ บ้านพักแห่งนี้ มีพื้นที่หลายเฮกตาร์ด้วยกัน และเป็นหนึ่งในบ้านพักที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ผลงานชิ้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานประจำชาติของอิหร่าน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1998 โดยขึ้นทะเบียนหมายเลข 2138 บ้านพักนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทกุลลีแห่งมูฮัมหมัด ออร์บอด ซึ่งเป็นป้อมปราการทางประวัติศาสตร์ที่มีอายุย้อนไปถึงสมัยอัชคานเมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว ผลงานอันยิ่งใหญ่ทั้งสองนี้เป็นผลงานระดับชาติที่สำคัญที่สุดของอิหร่าน
บ้านพักสำหรับนักเดินทางสร้างจากดิน ตรงสะพานเดลัก สร้างในสมัยกาจาร์ ตั้งอยู่ตอนกลางของเมืองกุม อยู่นอกหมู่บ้านมาลิกออร์บอด ผลงานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2002 โดยขึ้นทะเบียนหมายเลข 4867
บ้านพักสำหรับนักเดินทางดีรคาชีน หนึ่งในบ้านพักที่ใหญ่ที่สุดในอิหร่าน ตั้งอยู่บนถนนแห่งประวัติศาสตร์จาก เมือง เรย์ ไปยัง เมืองกุม ซึ่งอยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติคาวีร คุณลักษณะเฉพาะของผลงานนี้ ทำให้ได้รับการขนานนามว่า “แม่ของบ้านพักของอิหร่าน”ดีรคาชีน ห่างจากเมืองกุม ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 80 กม. (ห่างจากทางหลวง Garmsar 60 กม.) และห่างจาก Varamin ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 35 กม. อาคารนี้ถูกเรียกว่า ดีรคาชีน เนื่องจากมีโดมที่ทำจากปูนปลาสเตอร์ชนิดดีรคาชีน แต่ตอนนี้ไม่มีโดมดังกล่าวในอาคารแล้ว
บ้าน ยัซดอน พานอฮ์ ตั้งอยู่ละแวกไร่ฝ้ายในเมืองกุม ซึ่งอยู่ในยุคกาจาร์ตอนปลาย และช่วงต้นของ ราชวงศ์ปาลาห์วี คฤหาสน์ ยัซดอน พานอฮ์แห่งเมืองกุม มีสถาปัตยกรรมอิหร่านที่โดดเด่น อาคารหลังนี้อยู่ใกล้กับตลาดเก่าซึ่งเป็นสถานที่ค้าขายที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง และถูกใช้เป็นที่พักอาศัยเมื่อไม่นานมานี้ รูปแบบการก่อสร้างรวมถึงวัสดุที่ใช้ และข้อมูลจากเจ้าของ อาคารหลังนี้เป็นอาคารสองชั่วอายุคน มีอายุเกือบ 120 ปี ซึ่งเป็นของสมัยกาจาร์ตอนปลายและสมัยราชวงศ์ปาลาห์วีตอนต้น ในบ้านหลังนี้มีการเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้อย่างดีและดีเยี่ยม เช่น อ่างเก็บน้ำโดยใช้ท่อส่งน้ำที่ขุดขึ้นมาโดยตรง และยังมีการสร้างระบบระบายอากาศที่สวยงามเพื่อทำให้ใต้ถุนบ้านเย็นในฤดูร้อน ปัจจุบันบ้านโบราณหลังนี้ถูกส่งมอบให้กับเอกชนเพื่อเป็นร้านอาหารแบบดั้งเดิมสำหรับให้บริการนักเดินทางและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ.
มัสยิดญาเมียะอ์ หรือ มัสยิดญาเมียะอ์ อะตีก เป็นหนึ่งในมัสยิดเก่าแก่ของเมืองกุม มัสยิดแห่งนี้สามารถเข้าถึงได้จากถนน ออซาร ทางหลวง อัมมาร ยาซีร และอุโมงค์เฆาะดีร มัสยิดแห่งนี้เป็นที่รวมของอาคารหลายยุคหลายสมัย ปีที่ก่อสร้างโดมอาคาร ปี 529 ฮิจญเราะห์ศักราช ตามคำอธิบายในหนังสือมีรอาตุ้ลบุลดาล อาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่สาม มัสยิดญาเมียะอ์แห่งนี้ของเมืองกุม เป็นหนึ่งในมัสยิดเก่าแก่ของเมืองซึ่งไม่ทราบถึงผู้ก่อตั้ง แต่ระบุไว้ใน หนังสือล้ำค่าประจำเมืองกุม ว่า ผู้ก่อตั้งมัสยิดและโรงเรียนแห่งนี้ คือสุลต่าน ญานีย์คาน กษัตริย์ตาตาร์แห่ง เติร์กสถาน และปีที่สร้างคือปี 755
บ้านของอิมามโคมัยนี ตั้งอยู่ในเมืองกุม ในเขตซะฟออีเยะฮ์ อาคารนี้มีอายุเกือบหนึ่งศตวรรษ อิมามโคมัยนีซื้อบ้านหลังนี้ในปี ค.ศ. 1956 และอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นถึงปี ค.ศ. 1963 ในปี ค.ศ. 1994 บ้านหลังนี้ถูกมอบให้เป็นบ้านของซัยยิด อาลี คอเมเนอี โดยซัยยิด อะห์หมัด โคมัยนี บ้านหลังนี้ได้รับการจดทะเบียนขึ้นในรายชื่ออนุสรณ์สถานแห่งชาติของอิหร่านโดยองค์กรมรดกทางวัฒนธรรมในปี 1996 บ้านหลังนี้มีความเกี่ยวข้องกับยุคสมัยตั้งอยู่ในเมืองกุม ถนน มุอัลเล็ม เขต ยัคชอล กอซีย์ ได้รับการขึ้นทะเบียน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1996 หมายเลขทะเบียนคือ 1745 ซึ่งคือหนึ่งในผลงานแห่งชาติของอิหร่าน
บ้านมุลลา ศัดรอ อยู่ระหว่างการบูรณะตั้งแต่ปี 2012 มีการปรับปรุงเพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้คนจำนวนมากให้มาเยี่ยมชม บ้านหลังนี้ถูกจัดอยู่ในผลงานระดับชาติของอิหร่านในปี 1996 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดของเมืองกุม บ้าน มุลลา ศัดรอ ประกอบด้วยโดม และนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างเยี่ยมชมส่วนอื่นๆ ที่ได้รับการบูรณะ บ้านหลังนี้ ประกอบด้วยโดมที่มีสี่มุม เป็นบ้านที่มีหลังคาทรงโดมและมองเห็นวิวดอกไม้ เหมือนกับที่เราเคยเห็นบ้านในเขตร้อน
ชื่อเก่าของโรงเรียน ฟัยซีเยะฮ์ ชื่อใหม่ของโรงเรียน:มีชื่อว่า เชคนูรีย์, ฮูเซ็น มุฮัซดิซ นูรีย์, คอตะมุ้ลมุฮัซดะซีน , อัลลามะฮ์มุฮัซดิซ นูรีย์ , มีรซา ฮูเซ็น นูรีย์, อัลลามะฮ์ นูรีย์, , มีรซา นูรีย์, มุฮัซดิซ, ฮัจญี นูรีย์ หรือ โรงเรียน นูรีย์ ฟัยซีเยะฮ์ อยู่ในศตวรรษกลางของยุคประวัติศาสตร์หลังอิสลาม ตั้งอยู่ในเมืองกุม ใกล้กับฮะรัมท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ศูมะฮ์ ผลงานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2007 โดยมีหมายเลขทะเบียน 20715
หลังคาทรงโค้งขนาดใหญ่ในตลาดแห่งเมืองกุม เกิดขึ้นในยุค Qajar ซึ่งตั้งอยู่ใน เมืองกุมภายในตลาด ซึ่งผลงานชิ้นนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1997 โดยมีหมายเลขทะเบียน 1902 หลังคาทรงโค้งนี้ถือเป็นเพดานที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน สถาปัตยกรรมของอาคารนี้ได้รับการออกแบบโดยปรมาจารย์นามว่า ฮาซัน กุมมี ผู้ดูแลอาคารคือ ท่านซัยยิด มะห์หมูด ตะบาตะบาอีย์ หนึ่งในพ่อค้าของเมืองกุม ซึ่งบิดาของท่านคือซัยยิด ฮูเซน ตะบาตะบาอีย์ กุมมี โครงสร้างนี้ประกอบด้วย 2 ชั้น มีนอกชาน 12 หลัง และมีบานเลื่อน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกทำลายไปแล้ว เหนือห้องที่มุมของ Moqran สร้างจากปูนปลาสเตอร์ ตรงหลังคาทรงโค้งมีทางเข้า 3 ทางด้วยกัน ส่วนตรงกลางเป็นทางโล่งซึ่งมีความสูงถึง 15 เมตร โดมทำจากพอร์ซเลน ส่วนฝาครอบด้านล่างนั้นเป็นงานสไตล์ ยัซดีย์