ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ได้ใช้โลหะและหินในการประดิษฐ์เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาโดยตลอด เมื่อเวลาผ่านไป มนุษย์ได้ค้นพบโลหะและหินที่มีค่าและสวยงาม และด้วยศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ของตน จึงเริ่มสร้างเครื่องประดับและของตกแต่ง ซึ่งมักประกอบด้วยโลหะและหินมีค่า เช่น อาเกต เทอร์ควอยซ์ ไข่มุก ทับทิม โกเมน โอปอล เพชร และอื่น ๆ
ในกระบวนการผลิตเครื่องประดับ มีหลายขั้นตอนที่แต่ละขั้นต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดในการสร้างเครื่องประดับที่ผสมระหว่างโลหะและหิน ก็คือขั้นตอนสุดท้ายในการฝังหินลงในฐานที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า “มัครอจ์คอรี” หรือ “มาร์ซะอ์คอรี” ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Stone Setting หรือ Stone Loading ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของการออกแบบเครื่องประดับที่มีหินประดับ
ลองนึกถึงแหวนวงหนึ่ง ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันและประณีต มีลวดลายต่าง ๆ บนตัวเรือน ส่วนด้านบนซึ่งเป็นฐานสำหรับวางหินประดับ ถือเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนที่สุด และสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของแหวน เพราะฐานนี้สามารถออกแบบได้หลากหลายรูปแบบ เช่น มงกุฎสูง มงกุฎต่ำ ฐานเดี่ยว ฐานหลายฐาน ฯลฯ
การฝังหินประดับในส่วนนี้ต้องใช้ศิลปะและฝีมือเฉพาะตัว ช่างฝังหิน จะต้องใส่ใจและอดทนอย่างมากในการวางหินและยึดให้แน่นในตำแหน่งของมัน การติดตั้งหินนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของฐานที่ออกแบบไว้ โดยมีหลายวิธี เช่น
แบบรางเลื่อน แบบสลัก แบบถ้วย แบบก้าน มักใช้กับหินเม็ดเล็ก
สำหรับหินเม็ดใหญ่จะใช้วิธี แบบมุมฉาก แบบก้าน แบบผนัง
เนื่องจากต้องการคงไว้ซึ่งความสวยงามและคุณลักษณะตามธรรมชาติของหินและส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้ในการทำเครื่องประดับ จึงมักหลีกเลี่ยงการใช้กาวหรือสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเหตุนี้ ในขั้นตอนมัครอจ์คอรี ฐานที่ยึดหินจะต้องถูกจัดวางให้แน่นหนาเพียงพอโดยไม่ทำให้หินเสียหาย