چشمه گراب یا گوراب در حدود ۴۵ کیلومتری جنوب شرقی مشهد و در انتهای مسیر جاده قدیم سنگ بست به نیشابور و بهطور دقیق تر به فاصله یک کیلومتری ازشمال شرقی عوارضی ملکآباد واقع شدهاست. در واقع امر چشمه گراب متشکل از چندین چشمه با فواصل تقریبی ۵۰۰ متر از یکدیگر میباشد، که تعدادی از […]
آرامگاه عمر خیام (گشایش: ۲ آوریل ۱۹۶۳م/ ۱۲ فروردین ۱۳۴۲)جایدفنِ عمر خیام، گیراترین جای گردشگری نیشابور و نمونهٔ برجستهٔ معماری نوین ایرانی است که طراحِّ آن هوشنگ سیحون بود و آن را در ۶ شهریور ۱۳۴۱ پایان داد.طرحش برگرفته از زندگی، زمانه و اندیشههای عمر خیام است که بر هر سه «ریاضیدان»، «اخترشناس» و «شاعر» […]
نَشتیفان یکی از شهرهای استان خراسان رضوی در جنوب شرقی شهرستان خواف ایران است. شهر نشتیفان درحاشیه جاده قاین واقع شده و دارای آسیابهای بادی قدیمی است که با نامِ آسبادهای نشتیفان و از باد صد و بیست روزه نیرو میگرفتند.آب و هوای بسیار گرم و خشک دارد و مردم نشتیفان بسیار مهمان نواز و […]
آرامگاه فردوسی (گشایش: ۱۳۱۳ ه.ش – ۱۹۳۴ م)، محل خاکسپاری حکیم ابوالقاسم فردوسی در طوس است. این بنا بهدست هوشنگ سیحون برپایهٔ طرح پیشین کریم طاهرزاده بهزاد، با اندکی تغییر در اندازه و تزئینات، طراحی و بازسازی شد. معمار مجری ساختمان حسین لرزاده، و حسین حجارباشی زنجانی و تقی درودیان مباشر ساخت این بنا بودند. […]
مسجد گوهرشاد در مشهد در جنوب حرم علی بن موسی الرضا به دستور گوهرشادبیگم همسر شاهرخ ساخته شد. به دلیل ظرافت و زیبایی کاشیکاری و خط و اسلوب معماری مسجد گوهرشاد، این مسجد از شاهکارهای معماری ایرانی در دوره تیموری؛ و به دلیل موقوفات بسیار و مجاورت با آرامگاه علی بن موسی الرضا از مهمترین […]
حرمِ امام رضا یا حرم رضوی مدفن علی بن موسی الرضا، امام هشتم شیعیان امامی است. این مکان که در مرکز شهر مشهد در استان خراسان رضوی ایران واقع است، نزد شیعیان امامی بهعنوان «حرم» و مکانی مقدس گرامی داشته میشود. حرم امام رضا مجموعهای است با کانونِ آرامگاهِ علی بن موسی الرضا که دیگر […]
ตามเอกสารที่มีอยู่ในการแสวงบุญ Sarouq Imamzadeh Tahir (อ.) และชาห์ซอเดะห์อาลี (อ.) รวมถึงบุตรทั้งสี่คนและลูกหลานของอิมามซัจญาด (อ.) นามว่า Hazrat Ali al-Saleh, Obaidullah, Muhammad bin Ali และ Nusrat Khatun สุสานของ Imamzadeh Tahir และ Imamzadeh Ali (อ.) ตั้งอยู่ทางด้านหน้าประตูทางเข้า อาคารหลังนี้สร้างจากดินเหนียวและโคลน มีโดมขนาดใหญ่เล็กจำนวน 2 โดม สูงประมาณ 6 ถึง 8 เมตร อาคารหลังนี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 6 หน้าประตูทางเข้าสร้างด้วยเงินผสมน้ำทอง หลังคาโดมปูนปลาสเตอร์ตกแต่งด้วยลายเส้นกูฟีย์ รูปทรงเรขาคณิตที่สวยงาม สร้างขึ้นด้วยทักษะพิเศษในรูปแบบประสานกันเป็นงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่มีอายุย้อนกลับไปในสมัย Seljuk มีอ่างเก็บน้ำโบราณอยู่ข้างๆ Imamzadeh ซึ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์สำหรับหมู่บ้าน นอกจากนี้ ถัดจากอ่างเก็บน้ำยังมีสุสานอีกแห่งที่เรียกว่า ชะเฮลดุคตารอน มีรายงานว่าลูกสาวของ Sarouq สี่สิบคนหายตัวไปจากที่นี่เพื่อหนีจากเงื้อมมือของศัตรู
สะพานแห่งน้ำพุเดียวและแปดน้ำพุแห่งSorkdeh อยู่ในสมัยซาฟาวิด ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโซรค์ เมือง Saveh ผลงานนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลงานระดับชาติชิ้นหนึ่งของอิหร่านเมื่อวันที่ 14 เมะฮ์ร 1354 โดยมีหมายเลขทะเบียน 1184 สะพานแห่งนี้ สร้างขึ้นทางตอนใต้ของเมือง Saveh กิโลเมตรที่ 13 ของถนน Yalabad ถึง Qezal Qala (Saveh) สร้างขึ้นในสมัยซาฟาวิด อาคารของสะพานมีน้ำพุ 8 แห่งพร้อมซุ้มโค้งแบบโรมัน ความสูงจากพื้นถึงระดับแม่น้ำกุเละชอย ประมาณ 8 เมตร ความยาวของสะพานประมาณ 70 เมตร และกว้าง 4.5 ถึง 5 เมตร
ซากปรักหักพังของวิหาร (Khorhe) เป็นของยุค Seleucid ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Mahalat ในหมู่บ้าน Khorhe ผลงานนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นหนึ่งในผลงานระดับชาติของอิหร่านเมื่อวันที่ 15 เดย์ 1310 โดยมีหมายเลขทะเบียน 131 อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาค Pusht Godar ซึ่งทางเหนือเชื่อมต่อกับเทือกเขา ฮัฟต็อรกัลเละฮ์ และเชื่อมต่อกับเทือกเขาธารน้ำแข็งจากทางใต้ อยู่ห่างจากเมือง Mahalat 48 กิโลเมตร การขุดค้นโบราณสถานที่แห่งนี้ดำเนินการในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1955 โดยกรมโบราณคดีแห่งอิหร่าน ในระหว่างการขุดค้นได้พบ เครื่องปั้นดินเผาจำนวนหนึ่งและเหรียญเงินบางชิ้นที่เป็นของยุค Seleucid เมื่อเสร็จสิ้นการขุด นักโบราณคดีค้นพบ อาคาร Khorhe ซึ่งประกอบด้วยอาคาร 3 หลังที่เชื่อมต่อกัน
ที่พัก Dodhak ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Mahalat ใกล้ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ Qom และเส้นทางจาก Dilijan ไปยังหมู่บ้าน Khorehe อายุของอาคารหลังนี้ถือว่าเป็นของยุคซาฟาวิด แต่สถาปัตยกรรมของอาคารเป็นไปตามสไตล์ของสถาปัตยกรรม Seljuks ซึ่งทำให้ยากต่อการประมาณอายุของอาคาร ขนาดของตัวอาคาร คือ 53.70 x 53.60 เมตร มีหอสังเกตการณ์ 3 หอตั้งอยู่ในกำแพงทางเหนือ ตะวันออก และตะวันตกแต่ละด้าน แสดงให้เห็นว่าที่พักแห่งนี้ ถูกใช้เป็นป้อมปราการทางทหาร หลังจากผ่านประตูทางเข้าที่พักแล้ว จะมีระเบียง ยาว 11.3 เมตร กว้าง 3.9 เมตร ปลายสุดเชื่อมกับลานบ้านด้วยบันได ระเบียงด้านทิศใต้และทิศตะวันตกซึ่งสร้างขึ้นหลังการก่อสร้างอาคาร